1.ต้นเพศผู้ ให้ดอกตัวผู้ ( Staminate or male flower) เกิดเป็นช่อ ( Cymose) บนก้านดอก ประกอบด้วยกลีบเลี้ยงสีเขียวสั้น ๆ ล้อมกลีบดอกจำนวน 5 กลีบ เท่ากับกลีบดอกซึ่งมีสีขาวเชื่อมกันเป็นหลอด มีเกสร 10 เกสร ( ยาว 5 เกสรอยู่ระหว่างกลีบดอก สั้น 5 อยู่กลางกลีบ) มีรังใข่แต่ไม่มีเกสรตัวเมีย อย่างไรก็ตามดอกเพศผู้แบบ Teratological ซึ่งพบในต้นตัวผู้ที่เปลี่ยนเพศได้ ( Sex – reversal staminate tree ) เกสรตัวเมียเจริญขึ้นมาสามารถให้ลูกได้ในสภาวะอุณหภูมิต่ำ ช่วงแสงสั้น ความชื้นสูง
2.ต้นเพศเมีย ให้ดอกเพศเมีย ( Pistillate or female flower ) เพียงอย่างเดียว เป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 2 – 3 ดอก ก้านดอกสั้น เป็นดอกที่มีขนาดใหญ่กว่าดอกประเภทอื่น ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เกิดติดกันอยู่บริเวณฐานของกลีบดอก กลีบดอกมี 5 กลีบแยกจากกันตั้งแต่โคนดอกไม่มีเกสรตัว มีรังไข่ขนาดใหญ่มีพูรังใข่ 5 พูตื้น ๆ ปกติจะต้องมีเกสรเพศผู้จากดอกอื่นมาผสมจึงจะติดเป็นผล ผลลักษณะทรงกลม ดอกที่ไม่ได้รับการผสมจะหลุดร่วงไป
3.ต้นสมบรูณเพศ ให้ดอกสมบูรณ์เพศ หรือ ดอกกระเทย ( Hermaphroditie ) แบ่งเป็น 5 ชนิด
• ดอกอีลองกาตา ( Elongata ) ลักษณะของกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดจากฐานดอกจนถึงบริเวณครึ่งหนึ่งของความยาวของกลีบดอก เกสรตัวผู้มี 10 เกสรเรียงเหมือนดอกเพศผู้ เกสรตัวเมียมี 5 carpels รังไข่มีรูปร่างยาว ผลที่เกิดจึงมีลักษณะยาว ช่องว่างภายในผลแคบ รอยแยกของพูรังไข่ในผลเล็ก
• ดอก รีดิวซ์ อีลองกาตา ( Reduced elongata) เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่มีลักษณะคล้ายดอกตัวผู้ แต่มีขนาดใหญ่กว่า กลีบดอกสั้น หนา แข็งกว่าดอกเพศผู้ เกสรรตัวเมียไม่เจริญจึงไม่ติดผล เกิดขึ้นในสภาพอากาศร้อน ความชื้นในดินต่ำ
• ดอกคาร์เพลลอย์ อีลองกาตา ( Carpelloid elongata) ดอกสมบูรณ์เพศที่มีเกสรตัวผู้ 2 – 10 เกสร ตามปกติเกสรตัวผู้ควรจะอยู่ที่กลีบดอกแต่กับไปเจริญอยู่ติดระหว่างผนังรังไข่กับเกสรตัวเมีย ทำให้รังไข่ผิดปกติ ผลที่เกิดจะบิดเบี้ยว เกิดจากสภาพอากาศเย็น ความชื้นสูง
• ดอกเพนเทนเดรีย ( Pentandria ) ดอกสมบูรณ์เพศที่มีลักษณะคล้ายดอกเพศเมีย มีเกสรตัวผู้ขนาดใหญ่ 5 เกสร เกิดอยู่ใกล้ฐานกลีบดอกติดกับร่องรังไข่ รังไข่มีขนาดใหญ่รูปร่างค่อนข้างกลม ผลจึงมีลักษณะกลมป้อมร่องลึกบริเวณตรงแนวเกสรตัวผู้ที่อยู่ติดกับรังไข่ เกิดในสภาพอากาศเย็น ความชื้นสูง หรืออุณหภูมิกลางวันกลางคืนต่างกันมาก
• ดอกคาร์เพลลอยด์ เพนเทนเดรีย ( Carpelloid pentandria ) ดอกสมบูรณ์เพศที่มีเกสรตัวผู้อยู่ระหว่างกลีบดอก 2 กลีบ ติดกับเกสรตัวเมียเหมือนดอก คาร์เพลลอยด์ อีลองกาตา ผลจึงมีลักษณะบิดเบี้ยว ( หน้าแมว หรือหมางับ ) เกิดในสภาพความชื้นสูง อากาศเย็น
เสริมนิดนึงครับ ลักษณะดอกที่เปลี่ยนไปของต้นตัวผู้และต้นกระเทย เป็นเพราะเกิดจากยีนไม่เหมือนกันมาจับคู้กัน ส่วนตัวเมียยีนเหมือนกันจับคู่กันลักษณะเพศจึงคงที่กว่า มีปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปุ๋ยไนโตรเจนมากไปก็ทำให้เกิดดอกคาร์เพลลอยด์ได้ (ถ้าให้ในช่วงต้นกล้าจะมีแนวโน้มเป็นเพศเมียมาก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น